เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 และ 3 โครงการก่อสร้างก้าวหน้าตามแผน พร้อม COD ปี 2563-2565
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2563 จำนวน 2,357 ล้านบาท เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ย้ำความมั่นใจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ โดยโครงการก่อสร้าง 3 โครงการ มีความก้าวหน้าตามแผนงาน พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2563-2565
ดร. กัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 2,357 ล้านบาท ลดลงจำนวน 558 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2562 โดยมีสาเหตุหลักจากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เคซอน และไซยะบุรี
“แม้วิกฤตโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้นของบริษัทฯ บ้าง ได้แก่ การสั่งการผลิตไฟฟ้า (Dispatch) น้อยลง ซึ่งแปรผันตามความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่ลดลง และการเลื่อนแผนการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าบางแห่งในต่างประเทศออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางและการขนส่งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงต่างๆ แต่ในภาพรวมการดำเนินงาน เอ็กโก กรุ๊ป ยังสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตามแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan – BCP) ที่ได้จัดทำทั้งสำหรับสำนักงานใหญ่และโรงไฟฟ้าต่างๆ ในกลุ่มเอ็กโก โดยมีการทบทวนแผน BCP ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่เสมอ และจนถึงปัจจุบัน โรงไฟฟ้า 28 แห่ง ในกลุ่มเอ็กโก ทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างราบรื่น รวมถึงการก่อสร้างโครงการต่างๆ และการลงทุนใหม่ มีความก้าวหน้าและเป็นไปตามแผนงาน” ดร.กัมปนาท กล่าว
ความสำเร็จที่สำคัญในช่วงไตรมาสที่ 1 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ความก้าวหน้าในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ในเกาหลีใต้ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 91.55 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 69.23 ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 31.32 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564
นอกจากนั้น ด้านการลงทุน เอ็กโก กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท หยุนหลิน โฮลดิ้ง จีเอ็มบีเอช จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน โดยการซื้อขายหุ้นได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จ ในการขยายการลงทุนสู่พื้นที่ใหม่ในไต้หวันอย่างเป็นทางการ
“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจตามทิศทางการดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้ ทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมการผลิตไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักและเป็นความเชี่ยวชาญ ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Smart Energy Solution เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ตลอดจนเปิดกว้างเรื่องพื้นที่การลงทุนที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราจึงมั่นใจว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต” ดร. กัมปนาท กล่าวทิ้งท้าย