เอ็กโก กรุ๊ป เผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก พุ่งแตะ 10,000 ล้านบาท

ข่าวสารและความเคลื่อนไหว

เอ็กโก กรุ๊ป เผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก พุ่งแตะ 10,000 ล้านบาท

29 พฤศจิกายน 2560

นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เติบโตต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนงาน โดยมีกำไรสุทธิ 10,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2,528 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34 หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 3,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 672 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24 เนื่องมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาท”

ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2560 จนถึงปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีความก้าวหน้าในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า “คลองหลวง” จ.ปทุมธานี ซึ่งเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า “บ้านโป่ง” จ.ราชบุรี ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป สำหรับความสำเร็จด้านการลงทุนในต่างประเทศ เอ็กโก กรุ๊ป บรรลุข้อตกลงในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” สปป.ลาว โดยได้ลงนามสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท น้ำเทิน 1 เพาเวอร์ จำกัด กับบริษัท พอนสัก กรุ๊ป จำกัด และบริษัท  อีดีแอล เจเนอเรชั่น จำกัด พร้อมกันนี้ บริษัท น้ำเทิน 1 เพาเวอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จำนวน 514.30 เมกะวัตต์ และกับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว จำนวน 130 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัท สตาร์ เอนเนอร์ยี่ จีโอเทอร์มอล (ซาลัก-ดาราจัท) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง เอ็กโก กรุ๊ป (ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 20.07) กลุ่มบริษัท สตาร์ เอนเนอร์ยี่ และกลุ่มบริษัทเอซี เอนเนอร์ยี่ ได้ซื้อหุ้นเพิ่ม ร้อยละ 4.75 ในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “ดาราจัท หน่วยที่ 2 และ 3” ในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้มีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 99.75 ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว ทำให้สามารถรับรู้รายได้เพิ่มทันที

สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในต่างประเทศ 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ“ปากแบง” สปป.ลาว กระบวนการรับฟังความคิดเห็นโดยคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลเพื่อเริ่มเจรจาค่าไฟฟ้า (Tariff MOU) กับ กฟผ. ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “สตาร์ เอนเนอร์ยี่ ส่วนขยาย (หน่วยที่ 3 และ 4)” ประเทศอินโดนีเซีย อยู่ระหว่างการเจาะสำรวจแหล่งไอน้ำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันปริมาณไอน้ำสำหรับโรงไฟฟ้า หน่วยที่ 3 และการเจรจาค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าถ่านหิน “กวางจิ” ประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเริ่มเจรจาสัญญาหลักต่างๆ เช่น สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม สัญญาเช่าที่ดิน สัญญาสัมปทานและสัญญารับประกันกับรัฐบาลเวียดนาม

“นอกจากนี้ ล่าสุดเอ็กโก กรุ๊ป ยังได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 65 บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment - THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนให้เห็นว่าเอ็กโก กรุ๊ป ตระหนักและให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารภายใต้หลักบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance - ESG) ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีทางเศรษฐกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน” นายจักษ์กริชกล่าวสรุป

เกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป 
ณ เดือนพฤศจิกายน 2560 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 28 แห่ง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น  4,574 เมกะวัตต์ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 691 เมกะวัตต์ ในฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว ซึ่งจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2562