เอ็กโก กรุ๊ป ขยายพอร์ตโซลาร์ฟาร์มในประเทศ ซื้อหุ้นเพิ่ม 33.33% ใน บจ.พัฒนาพลังงานธรรมชาติ
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่แห่งแรกของไทย ขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ประกาศผลสำเร็จในการซื้อหุ้นเพิ่มในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ในบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด (NED) ซึ่งดำเนินงานและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์และวังเพลิง โซลาร์ จากบริษัท ไดมอนด์ เจเนอเรติ้ง เอเชีย ลิมิเต็ด (DGA) ผู้ถือหุ้นร่วม ส่งผลให้เอ็กโก กรุ๊ป กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NED โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้นร้อยละ 66.66 รวมทั้งยังสามารถรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการลงทุนเพิ่มทันที
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ในบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด (Natural Energy Development Co., Ltd. - NED) ซึ่งดำเนินงานและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ และวังเพลิง โซลาร์ จากบริษัท ไดมอนด์ เจเนอเรติ้ง เอเชีย ลิมิเต็ด (Diamond Generating Asia, Limited - DGA) ในเครือมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยดำเนินการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นผลให้เอ็กโก กรุ๊ป มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้นร้อยละ 66.66 และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NED ในขณะที่ บริษัท ซีแอลพี ไทยแลนด์ รีนิวเอเบิลส์ ลิมิเต็ด (CLP Thailand Renewables Limited – CLP) ยังคงถือหุ้นร้อยละ 33.33”
NED ดำเนินงานและบริหารจัดการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 55 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าวังเพลิง โซลาร์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ เมื่อรวมทั้งสองแห่งมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 63 เมกะวัตต์ จึงนับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบาง (Thin Film) ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์กว่า 520,000 แผง ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ ในจังหวัดลพบุรี เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อปี 2554 และ 2556 ตามลำดับ
นายสหัส กล่าวเพิ่มเติมว่า “การซื้อหุ้นเพิ่มครั้งนี้นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกของประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ยังทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการลงทุนเพิ่มได้ทันที ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งการซื้อโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น”
สำหรับโรงไฟฟ้าลพบุรี โซลาร์ จำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (เอสพีพี) ประเภทสัญญา Non-Firm ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุสัญญาได้คราวละ 5 ปี และโรงไฟฟ้าวังเพลิง โซลาร์ จำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (วีเอสพีพี) ประเภทสัญญา Non-Firm ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุสัญญาได้คราวละ 5 ปี และทั้งสองโครงการได้รับเงินส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า 8 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 10 ปี